คำศัพท์ที่ต้องรู้ในตลาดหุ้น และการคำนวณ สูตรต่าง ๆ

[junjao]

คำศัพท์ที่ต้องรู้ในตลาดหุ้น และการคำนวณ สูตรต่าง ๆ (จัดทำเมื่อ 8-7-2558)

P/E = มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด หารด้วย กำไรสุทธิ
ยิ่งน้อย ยิ่งดี (มองทางด้านต้นทุนราคาต่ำดี แต่ทางมองด้านความนิยมซื้อ ไม่ดี) ในตลาดหุ้นอยู่ประมาณ 2-3500 เท่า
หุ้นตัวใด มีค่า N.A. หรือ N/A =not applicable (นำมาใช้ไม่ได้) แสดงว่าหุ้นตัวนั้นขาดทุนในไตรมาสนั้นอยู่ หรือ บริษัทกำไรอยู่ แต่ไม่ยอมปันผลก็ได้ ต้องดูนโยบายบริษัทอีกทีด้วย
หมายเหตุ ต้องดูที่งบการเงินด้วย บางที p/e ที่แสดงออกมา หลอกตา คือ กำไรสุทธิต่อหุ้น มีจริงในไตรมาศนั้น แต่บริษัทก็ไม่สามารถปันผลจริง p/e จะคำนวณเปลี่ยนแปลงทุกวัน

P/BV = มูลค่าหุ้นตามราคาตลาด หารด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้น (ผู้ถือหุ้น = ทรัพย์สิน - หนี้สิน)
ยิ่งน้อย ยิ่งดี (มองทางด้านต้นทุนราคาต่ำดี แต่ทางมองด้านความนิยมซื้อ ไม่ดี) ค่า 0.01-0.99 ราคาต่ำกว่าทุน , 1 เท่าทุน , มากกว่า 1 ราคาสูงกว่าต้นทุน

price performace = ราคาสมรรถภาพ เป็นราคาเปรียบเทียบในตลาดหุ้น หรือ กลุ่มธุรกิจเดียวกัน ไว้ดูเพื่อตัดสินใจลงทุน เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า (ส่วนใหญ่จะคำนวณภายใน 1 ปี คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เลือกที่ให้เปอร์เช็นต์มากที่สุด)
paid-up cap = มูลค่าหุ้นสามัญจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว (ราคาพาร์ x จำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้ว)
Market cap (มูลค่าตามราคาตลาด) = จำนวนหุ้นทั้งหมด x  ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน
ROE = อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (แนะนำ 50% ขึ้นไป ดี ปลอดภัย ยิ่งสูงยิ่งดี) หมายเหตุ ถ้า ROE สูง P/BV สูงตามด้วย
ROA = อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ (แนะนำ 40% ขึ้นไป ดี ปลอดภัย ยิ่งสูงยิ่งดี)
Retained Earnings (Deficit) = กำไรสะสม หรือ ขาดทุนสะสม ถ้าบริษัทขาดทุนสะสมอยู่ ก็จะไม่ได้รับเงินปันผล
book vale par chare (BVPS) = ส่วนของผู้ถือหุ้น หารด้วย จำนวนหุ้นสามัญ
EPS = Earning per Share กำไรต่อหุ้น (ยิ่งสูงยิ่งดี)

EBITDA = Earning Before Interest,TAX,Depreciation, Amortization  (กำไร ก่อน ดอกเบี้ย,ภาษี,ค่าเสื่อมราคา,ค่าใช้จ่าย)
EBITDA มีค่าติดลบ = ขาดทุน ก่อนดอกเบี้ย,ภาษี,ค่าเสื่อมราคา,ค่าใช้จ่าย

EV = Enterpise Value (มูลค่ากิจการ) = market value of common stock + market value of preferred equity + market value of debt + minority interest - cash and investments. (หุ้นสามัญ+หนี้สิน-เงินสดและเงินลงทุน)
EV/EBITDA = ENTERPRISE MULTIPLE (ยิ่งน้อย ยิ่งดี  มองด้านต้นทุนต่ำ และการคืนทุนใช้เวลาน้อยเช่นกัน คิดเป็นจำนวนปี ดูประกอบ P/E ด้วย)
EV/EBITDA มีค่าติดลบ = กิจการมีโอกาสขาดทุน ต้องดูในงบการเงินด้วย

Market cap น้อยกว่า Enterpise Value (EV) เสมอ
แต่ถ้า Market cap ใกล้เคียงกับ Enterpise Value (EV) แสดงว่าราคาหุ้นตัวนั้นสูงมากแล้ว

ในกลุ่มของการเงิน ธนาคาร หลักทรัพย์ เงินทุน ประกันภัย ประกันชีวิต จะไม่เห็น EV และ EBITADA (เป็นความลับธุรกิจ แต่หุ้นบางตัวเห็น EBITADA)

เพิ่มเติม
Market Prices หมายถึง ราคาหุ้น ณ ปัจจบุัน

Fair Price หมายถึง ราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน

Net Profit หมายถึง กําไรสุทธิ (ล้านบาท)

EPS หมายถึง  กําไรสุทธิต่อหุ้น (บาท)

EPS Growth หมายถึง  อัตราการขยายตัวของกําไรต่อหุ้น (%)

PER หมายถึง  ราคาหุ้นปัจจุบัน / กําไรสุทธิต่อหุ้น (เท่า)

P/BV หมายถึง  ราคาหุ้นปัจจุบุัน / มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (เท่า)

EBITDA หมายถึง กําไรก่อนหักดอกเบีย= ภาษี ค่าเสื่อมราคา และ ค่าตัดจําหน่าย (บาท)

EBITDA Growth หมายถึง  อัตราการขยายตัวของ กําไรกอ่นหักดอกเบี้ย= ภาษี ค่าเสื่อมราคา และ ค่าตัดจําหน่าย (%)

EV / EBITDA หมายถึง มลูค่ากิจการ / กําไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และ ค่าตัดจําหน่าย (เท่า)

DPS หมายถึง  เงินปันผลต่อหุ้น (บาท)

Dividend Yield หมายถึง  อัตราผลตอบแทนของเงินปันผล (%)

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://pantip.com/topic/32188572
https://www.set.or.th/th/market/files/SET_Formula_Glossary.pdf
http://www.setsmart.com/SETSMART_Glossary_V1_8.pdf
http://pantip.com/topic/31513452
http://www.investopedia.com/terms/e/enterprisevalue.asp

สรพล
jun_jao2000@hotmail.com

[junjao]