การเพิ่ม RAM โดยใช้โปรแกรมจะไม่ได้เพิ่มหน่วยความจำจริง ๆ แต่เป็นการใช้ **Virtual Memory** หรือ **Pagefile** เพื่อให้ระบบสามารถจำลองหน่วยความจำเพิ่มเติมเมื่อ RAM ที่แท้จริงไม่เพียงพอ การเพิ่ม Virtual Memory นี้สามารถทำได้ในระบบปฏิบัติการ Windows ตามขั้นตอนด้านล่าง:
### วิธีเพิ่ม Virtual Memory (Pagefile) บน Windows
1. **เปิดหน้าต่าง Control Panel:**
- คลิกที่ปุ่ม **Start** หรือ **Windows** ที่มุมซ้ายล่าง
- พิมพ์ **Control Panel** ในช่องค้นหาและกด **Enter**
2. **ไปที่ System and Security:**
- ในหน้า Control Panel เลือก **System and Security**
- คลิกที่ **System** หรือ **แค่คลิกขวาที่ "This PC" และเลือก Properties**
3. **เปิดการตั้งค่าคุณสมบัติของระบบ:**
- ที่ด้านซ้ายของหน้าต่าง System คลิกที่ **Advanced system settings** (หรือสามารถพิมพ์คำว่า **sysdm.cpl** ในช่องค้นหาบน Start menu แล้วกด Enter ก็ได้)
4. **ไปที่แท็บ Settings:**
- ในหน้าต่าง **System Properties** คลิกที่แท็บ **Advanced**
- จากนั้นในหัวข้อ **Performance** ให้คลิกที่ปุ่ม **Settings**
5. **เปลี่ยนการตั้งค่า Virtual Memory:**
- ในหน้าต่าง **Performance Options** ให้เลือกแท็บ **Advanced**
- ในหัวข้อ **Virtual memory** ให้คลิกที่ **Change**
6. **ปรับแต่ง Virtual Memory:**
- ยกเลิกการเลือก **Automatically manage paging file size for all drives**
- เลือกไดรฟ์ที่คุณต้องการเพิ่ม Virtual Memory (ปกติจะเลือกไดรฟ์ C: ซึ่งเป็นไดรฟ์หลัก)
- เลือก **Custom size** แล้วกำหนดขนาดของ Virtual Memory:
- **Initial size (MB)**: ขนาดเริ่มต้นของ Pagefile
- **Maximum size (MB)**: ขนาดสูงสุดที่สามารถใช้ได้
- ตัวเลขที่แนะนำสำหรับ Virtual Memory คือ **1.5 ถึง 3 เท่าของขนาด RAM ที่ติดตั้งในเครื่อง**
7. **คลิก Set แล้วตกลง:**
- กด **Set** และ **OK**
- หลังจากนั้นระบบจะให้คุณรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์เพื่อให้การตั้งค่ามีผล
### หมายเหตุ:
- การเพิ่ม Virtual Memory (Pagefile) ช่วยให้ระบบสามารถจัดการกับการใช้งานหน่วยความจำที่มากเกินไป แต่จะช้ากว่า RAM จริง เพราะ Virtual Memory ใช้พื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ (HDD) หรือ SSD ซึ่งการเข้าถึงข้อมูลจะช้ากว่า RAM ที่เป็นหน่วยความจำแบบดั้งเดิมมาก
- หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ควรพิจารณาเพิ่ม RAM จริงแทนการพึ่งพา Virtual Memory มากเกินไป
การตั้งค่า Virtual Memory เป็นวิธีการ "จำลอง" RAM เมื่อหน่วยความจำจริงไม่พอใช้ แต่ไม่สามารถทดแทน RAM จริงได้ในแง่ของความเร็วและประสิทธิภาพ