การทำหมันในประเทศไทยเริ่มต้นในปี 2510 (1967) โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการควบคุมประชากรที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในขณะนั้น ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดอัตราการเจริญพันธุ์และควบคุมการเติบโตของประชากร การทำหมันได้รับการส่งเสริมเป็นทางเลือกในการควบคุมจำนวนประชากร และยังคงเป็นมาตรการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน.
การทำหมันมีหลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับเพศและความต้องการของบุคคลนั้น ๆ วิธีหลัก ๆ ที่ใช้กันคือ:
1. **การทำหมันชาย (Vasectomy)**
การทำหมันในผู้ชายจะเกี่ยวข้องกับการตัดหรือการปิดกั้นท่อนำอสุจิ (Vas deferens) ซึ่งเป็นท่อที่นำอสุจิจากอัณฑะไปยังท่อปัสสาวะ เพื่อไม่ให้อสุจิออกมาพร้อมกับน้ำอสุจิ วิธีนี้เป็นการทำหมันถาวรและมีความปลอดภัยสูง
2. **การทำหมันหญิง (Tubal Ligation)**
สำหรับผู้หญิง การทำหมันจะเกี่ยวข้องกับการผูกหรือตัดท่อนำไข่ (Fallopian tubes) เพื่อป้องกันไม่ให้ไข่จากรังไข่ไปผสมกับอสุจิในมดลูก วิธีนี้เป็นการทำหมันถาวรเช่นกัน
3. **การฝังวัสดุกั้นท่อนำไข่ (Implantable Contraception)**
เป็นวิธีที่ใช้วัสดุที่สามารถฝังเข้าไปในท่อนำไข่ ซึ่งจะขัดขวางการเคลื่อนที่ของไข่และการปฏิสนธิ การฝังวัสดุนี้อาจไม่ได้ทำให้การทำหมันถาวร แต่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ในระยะยาว
4. **การทำหมันด้วยการใช้สารเคมี (Chemical Sterilization)**
การใช้สารเคมีเพื่อปิดกั้นหรือทำลายท่อนำไข่หรือลำเลียงอสุจิ ถือเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงสูงและไม่ใช่วิธีที่นิยม
การทำหมันไม่สามารถกลับมาทำการฟื้นฟูได้ง่าย ๆ ดังนั้นการตัดสินใจจึงต้องคำนึงถึงความมั่นใจและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์